เร้ดบูลล์ เรซิ่ง แชมป์ 21 สนาม

F1

Team of the Year

เร้ดบูลล์ เรซิ่ง แชมป์ 21 สนาม

เร้ดบูลล์ เรซิ่ง เป็นทีมใหญ่ในวงการฟอร์มูล่า วัน มาอย่างยาวนาน แม้ เมอร์ซิเดส ครองแชมป์ทีมผู้สร้างมานาน 7 ปี แต่หลังจาก แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์โลกสมัยแรกในปี 2021 ทุกคนก็รู้ดีว่า เวลาของทีมสัญชาติออสเตรียมาถึงแล้ว เข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง 

RB19 รถที่ใช้ในฤดูกาล 2023 เริ่มทดสอบครั้งแรกที่บาห์เรน และเป็นรถที่เร็วที่สุดตั้งแต่วันแรก เหล่าสื่อมวลชมลงความเห็นตรงกันว่ามีความเสถียรมากกว่า RB18 ขณะที่ เวอร์สเตปเปน ยืนยันเองว่า การทดลองขับเป็นไปด้วยดี รถพัฒนาขึ้นกว่าเดิมทุกอย่าง ส่วนเครื่องยนตร์ยังมาจากฮอนด้าเช่นเคย 

หลังจากทดสอบรถ และได้เห็นถึงศักยภาพทั้งรถและคนขับที่ยังไปด้วยกันได้ดีการประกาศศักดาของ เร้ดบูลล์ ก็เริ่มต้นขึ้นทันที นักขับดัตช์คว้าตำแหน่ง โพล โพสิชั่นที่ บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ เซอร์จิโอ เปเรซ เพื่อนร่วมทีมตามหลัง ชาร์ลส์ เลอแกลร์ จาก เฟอร์รารี่ ซึ่งในซีซั่นนี้ได้รับการมองว่าจะมาแรง แต่การยืนระยะนั้นยังชวนให้ข้องใจ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หัวหน้าทีมกลายเป็น เฟร็ด วาสเซอร์ และที่นั่น เปเรซ ยังคงขับตามหลังโดยไม่เร่งร้อน เพราะทีมสั่งให้รักษายาง แต่เมื่อรถของ เลอแกลร์ เริ่มช้าลง ยางฮาร์ดคอมพาวด์กำลังทำเวลาลดลง เปเรซ เข้าพิตเปลี่ยนยางและแซงหน้า คว้าอันดับ 2 กลายเป็น เร้ดบูลล์ 1-2 ในสนามแรกของซีซั่น 

ถัดมาที่ ซาอุดิ อาระเบีย ความแรงของ RB19 ก็ยังไม่ลดลง เมื่อสองนักขับผลัดกันคว้าอันดับ 1 ในรอบซ้อมและโพลเป็นของ เปเรซ เมื่อเกิดปัญหากับคาน ส่งผลต่อการขับเคลื่อนของรถที่ขับโดย เวอร์สเตปเปนในรอบ Q2 ทำให้ต้องทิ้งการแข่งที่เหลือในรอบคัดเลือก จากนั้นในรอบสุดท้ายทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับ เปเรซ ขณะที่ เวอร์สเตปเปน แจ้งกับทีมว่าได้ยินความผิดปกติบางอย่างจากอะไหล่ตัวเดิม และแท็คติกของทีมยังมั่นคงกับการปล่อยให้นักขับทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เวอร์สเตปเปน ที่เร่งจากอันดับ 15 จึงขึ้นมาจบในอันดับ 2 และเป็น เร้ดบูลล์ 1-2 เช่นเคย  

แอสตัน มาร์ติน เป็นทีมม้ามืดที่ดึงตัววิศวกรของ เร้ดบูลล์ ไปอยู่ด้วย และรถของค่ายสีเขียวมรกตในฤดูกาล 2023 ก็แทบไม่แตกต่างจาก โมเดล RB18 แต่เพราะทีมงานที่แตกต่างและแนวคิด การแก้ปัญหาที่แตกต่าง ทำให้ แอสตัน มาร์ติน มาแรงในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็เป็นอีกเรื่อง และยังไม่สามารถเป็นทีมท็อป 4 ได้อย่างหวัง

เฟอร์รารี่ ไม่ได้เปิดตัวโมเดลรถคันใหม่อย่างน่าทึ่ง หรือมีอะไรที่เป็นพิเศษหลัง มัตเตีย บิน็อตโต้ จากไป บิน็อตโต้ มีฝีมือเรื่องรถ และทำให้ทีมขึ้นมาลุ้นแชมป์โลกในปี 2022 ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ เฟอร์รารี่ ยังคงผิดพลาดซ้ำเดิมและมีปัญหากับแท็คติก กลยุทธที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ รวมทั้งยังมีแผนที่ไม่ตรงกับข้อมูลซึ่งนักขับให้มา 

อย่างไรก็ดี คาร์ลอส ไซนซ์ เป็นเพียงคนเดียวที่ได้แชมป์สนามในซีซั่นนี้ ซึ่งไม่ใช่นักขับ เร้ดบูลล์ โดยเกิดขึ้นที่ สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งมีอุปสรรคมากกว่าที่คิด และอาจเป็นเพราะดีไซน์ของสนามที่เข้าทาง เฟอร์รารี่ มากกว่า ทำให้ค่ายสีแดงมาแรงตั้งแต่รอบซ้อม และ ไซนซ์ ยังคว้าโพล ส่วน เลอแกลร์ มาในอันดับ 3 ขณะที่ เวอร์สเตปเปน และ เปเรซ เป็นอันดับ 11 และ 13 จากนั้นผ่านธงตาหมากรุกในอันดับ 5 และ 8

ลาส เวกัส กรังด์ปรีซ์ แข่งขันเป็นครั้งแรก ในรูปแบบไนท์เรซ และเป็นสตรีทเซอร์กิตที่ใช้ถนนสัญจรในย่านอันโด่งดังอย่าง ซีซาร์ พาเลซ ซึ่งว่ากันตามตรง เปเรซ มีฝีมือกับสนามแบบสตรีท อย่างที่เห็นทั้งที่ อาเซอร์ไบจาน และที่ โมนาโก เมื่อปีก่อน อย่างอื่นนอกจากนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะ เร้ดบูลล์ มีความเร็วและมีแชมป์โลกอยู่ที่นั่น เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ ตามด้วย เลอแกลร์ และ เปเรซ ที่พลาดอันดับ 2 ไปเล็กน้อย 

14 โพล 21 แชมป์ จาก 22 สนาม และสถิติอีกมากมายทำให้ฤดูกาลนี้ เร้ดบูลล์ คว้าแชมป์ทีมก่อนจบฤดูกาล และ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์โลกอย่างรวดเร็วแบบที่ใครก็ไล่ตามไม่ทัน ชวนให้รู้สึกว่าฤดูกาลนี้อาจไม่น่าสนุกตื่นเต้นอย่างที่คิด ช่วงปลายฤดูกาลจึงเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่งอันดับ 4 ระหว่าง แอสตัน มาร์ติน และ แม็คลาเรน ที่กว่าจะเครื่องร้อน ก็ต้องรอจนการอัพเกรดครั้งใหญ่ช่วงกลางซีซั่น

อนาคตของ เซอร์จิโอ เปเรซ ยังคงเป็นที่พูดถึง ทั้งที่ยังเหลือสัญญาในปี 2024 และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อย ทั้งที่นักขับเม็กซิกันทำ 1 โพล 2 แชมป์ 9 โพเดียม แต่ยังดูเหมือนผลงานนี้ด้อยไปเมื่อเทียบกับ 19 แชมป์ของ เวอร์สเตปเปน ทั้งที่เป็นอันดับ 2 ในประเภทนักขับเมื่อฤดูกาลจบลง และที่นั่งนี้จะยังคงร้อนๆ หากการเริ่มต้นในปี 2024 ออกมาไม่สวยงาม หรือไม่ดีไปกว่าปีก่อนหน้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีนักขับที่มีทั้งฝีมือและประสบการณ์คนไหนมีส่วนผสมที่ลงตัวไปกว่านี้กับที่ตรงนี้ ขณะที่ เร้ดบูลล์ จะยังเป็นทีมชั้นนำไปอีกหลายปี