แม็กซ์ แซงทุกคันไร้ปัญหา คว้าแชมป์สนามที่ 50

แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ ฟอร์มูล่า วัน ยูเอส กรังด์ปรีซ์ เป็นแชมป์สนามที่ 50 ในอาชีพ กลายเป็นนักขับรายที่ 5 ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์นี้ได้สำเร็จ ร่วมกับ ลูอิส แฮมิลตัน ที่ตามมาในอันดับ 2 เซบาสเตียน เว็ทเทล, อแล็ง พรอสต์ และ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ 

เริ่มรอบแรกที่ เซอร์กิต ออฟ ดิ อเมริกาส์ ลันโด นอร์ริส ขยับขึ้นนำจากการออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยมกลายเป็นผู้นำตามด้วย เฟอร์รารี่ ทั้งสองคัน ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ร่วงจากตำแหน่งเจ้าของโพล ส่วน แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ขยับจากอันดับ 6 ขึ้นมา 1 ตำแหน่ง และไต่ไปอันดับ 4 หลังจากผ่าน 5 รอบ ตามหลัง ลูอิส แฮมิลตัน 

รอบที่ 12 เลอแกลร์ ความเร็วตกลงมาเป็นอันดับ 3 โดน แฮมิลตัน แซงไปแล้ว และกำลังชิงตำแหน่งกับ เวอร์สเตปเปน ซึ่งเข้าโค้งได้ดีกว่า ขยับขึ้นมาเป็นที่ 3 เลอแกลร์ ตกไปอันดับ 4 และเนื่องจากรถ เมอร์ซิเดส มีปัญหาเล็กน้อย แฮมิลตัน ตีโค้งพลาดทำให้ตัดสินใจเข้าพิต เสียตำแหน่งผู้นำที่ได้มาในรอบ 18 

เมื่อผ่านครึ่งทางที่ 28 รอบ เวอร์สเตปเปน ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำ จากการแซง นอร์ริส เวลาต่อมา เนื่องจากการแข่งขันบังคับให้ใช้ยาง 2 คอมพาวด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนยาง ทำให้อีก 10 รอบถัดมา รถกลุ่มนำใช้ยางแบบฮาร์ดคอมพาวด์ และมีการเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อย จากการสลับกันเข้าพิต แต่ไม่นาน เวอร์สเตปเปน ก็แซงกลับมานำได้ตามด้วย นอร์ริส และ เลอแกลร์ 

ผ่านไปไม่ถึง 10 รอบ เอสเตบัน โอคอน ต้องออกจากการแข่งขัน เนื่องจากตัวรถด้านข้างเสียหาย จากจังหวะที่เฉี่ยวกับ ออสการ์ ปิอัสตรี ซึ่งก็ต้องออกจากการแข่งขันในเวลาต่อมา แม้ดูภายนอกไม่เสียหาย แต่ระบบภายในได้รับการกระทบกระเทือนและทำความเร็วไม่ได้ 

สองรอบท้าย แฮมิลตันที่เปลี่ยนคอมพาวด์ของยางและมีสภาพยางใหม่เร่งแซงหน้า นอร์ริส ได้ แต่ผู้นำยังไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ตำแหน่ง Driver of the day เป็นของ ลันโด นอร์ริส ที่ออกตัวได้ยอดเยี่ยม และขึ้นมานำช่วงหนึ่งของการแข่งขัน 

อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยจากทีมวิลเลี่ยมส์ ออกสตาร์ทจากอันดับ 15 ขยับขึ้นมา 2 อันดับหลังจากผ่าน 3 รอบแรก และแม้โดนเตือนแทร็คลิมิตแต่ก็ยังพยายามทำความเร็วต่อเนื่องจนขึ้นมาเป็นอันดับ 12 และจบด้วยอันดับ 11 ล่หลัง ยูกิ ทซึโนดะที่นำหน้า 20 วินาทีไม่ทัน