ความฝัน 4 แชมป์ของหงส์แดง ทุกอย่างอยู่ที่คำว่า Believe

ความฝัน 4 แชมป์ของหงส์แดง ทุกอย่างอยู่ที่คำว่า Believe
ถึงตรงนี้ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้แล้วสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้เพียงบุกไปเสมอกับ เวสต์แฮม 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา...

ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ที่สองของตัวเอง หลังดวลจุดโทษเอาชนะ เชลซี ในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ต้องภาวนาให้ แมนฯ ซิตี้ ไม่ชนะ เวสต์แฮม จะเป็นแพ้หรือเสมอก็ได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ยังมีลุ้นในอีก 2 เกมที่เหลือ


แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเราดูจากฟอร์มที่ผ่านมาของ ซิตี้ พวกเขาชนะมา 5 เกมติดต่อกันในลีก แถมตลอดทั้ง 5 เกมนั้นยังยิงประตูสะสมไปถึง 22 ลูก และก่อนเกมที่จะออกมาเยือน เวสต์แฮม พวกเขาก็มีคะแนนนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 3 แต้มจากการลงเล่น 36 เกมเท่ากัน แถมยังมีลูกได้เสียที่ดีกว่าถึง 7 ประตู


นั่นหมายความว่าหากเอาชนะในเกมนี้ได้ ซิตี้ จะทิ้งหงส์แดงไป 6 แต้ม แถมยังมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าอย่างน้อย 8 ประตูขึ้นไป เรียกได้ว่าแทบจะการันตีการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกค่อนข้างแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าจะแพ้ในเกมสุดท้าย แต่ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ห่างกันค่อนข้างมาก อาจจะทำให้ ลิเวอร์พูล ยากที่จะยิงไล่ตามได้ทันในอีก 2 เกมที่เหลือ


ดังนั้น ถ้ายังอยากมีลุ้น ก็ต้องภาวนาให้ เวสต์แฮม ทำอะไรบางอย่าง และปรากฏว่ามันก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้นจริงๆ


ในเกมนัดนี้ แมนฯ ซิตี้ ที่ดูเหนือกว่าทุกอย่าง กลับมีฟอร์มที่ดูจะต่ำกว่ามาตรฐาน อาจจะครองเกมบุกได้มากกว่าแต่ขาดเรื่องของความเฉียบคมไป แต่ที่ช็อกความรู้สึกที่สุดก็คือ พวกเขากลับโดนขุนค้อนออกนำไปก่อนถึง 2-0 จากการเล่นเกมโต้กลับที่แม่นยำ และเป็น จาร์รอด โบเว่น ปีกตัวจี๊ดที่เหมาทั้งสองประตูในครึ่งแรก


ใครจะไปคิดว่าจบ 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ จะบุกมาตามหลังด้วยความห่าง 2 ประตู แม้ว่าจะเหลืออีก 45 นาที แต่เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ทั่วโลกคงเริ่มคิดแล้วว่าอะไรบางอย่างเหมือนจะเข้าทางพวกเขาอย่างไม่น่าเชื่อ


อย่างไรก็ตาม ซิตี้ ก็ยังเป็น ซิตี้ พวกเขาทวงประตูตีไข่แตกได้เร็วจาก แจ็ค กรีลิช ก่อนที่ เวสต์แฮม จะมาสมนาคุณทำเข้าประตูตัวเองจาก วลาดิเมียร์ ชูฟาล ทำให้เกมกลับมาเท่ากันที่ 2-2 และยังเหลือเวลาให้ลุ้นอีกร่วมๆ 20 นาที


ถึงตอนนั้น เดอะ ค็อป ทั่วโลกอาจจะเริ่มถอดใจ เพราะคิดว่าด้วยเวลาขนาดนี้ ทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ คงไม่พลาดแน่ และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อพวกเขามาได้จุดโทษตอนท้ายเกม แต่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ ริยาด มาห์เรซ ดันยิงไปติดเซฟซะอย่างนั้น!?


ถ้าประตูนี้เข้าไป และ แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะ อย่างที่บอกไปในช่วงต้นว่าเกมนัดสุดท้ายอาจจะไม่มีความหมายแล้ว และบางทีในเกมที่ ลิเวอร์พูล ไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในวันอังคารนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะเลือกพักตัวหลักเอาไว้ รักษาความสดเพื่อไปเล่นในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศในวันที่ 28 พ.ค. นี้ น่าจะดีกว่า เพราะถ้าชนะ เรอัล มาดริด ได้ พวกเขาจะคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 7 ทันที


แต่พอเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ เกมที่จะพบกับนักบุญกลายเป็นอีกแบบไปในทันที ความหวังในการลุ้น 4 แชมป์ของ ลิเวอร์พูล ยังคงอยู่ และถ้าพวกเขาไปบุกไปชนะได้ พวกเขาจะมีลุ้นจนถึงวันสุดท้าย เพราะถ้าชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในวันปิดฤดูกาลที่ แอนฟิลด์ แต่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ แอสตัน วิลล่า ไม่ได้ ไม่ว่าจะแพ้หรือเสมอ ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกจะกลายเป็นของ ลิเวอร์พูล ทันทีเช่นกัน


จริงๆ แล้ว การที่ ลิเวอร์พูล มีลุ้นถึง 4 แชมป์จนถึงวันสุดท้าย มันก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ แล้ว แม้ว่าหลังจากนี้อีกสองรายการที่เหลือจะไม่ได้แชมป์ และทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จบฤดูกาลนี้เพียงแค่แชมป์ คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ มันก็ยังคงเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมมากๆ อยู่ดี


แต่ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาเกิดสร้างสิ่งที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ นั่นคือการกวาดทั้ง 4 แชมป์ได้ในปีเดียว มันคงเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าคำว่ามหัศจรรย์ มันคือปฏิบัติการที่ไม่อาจเป็นไปได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอังกฤษ และก็เชื่อว่าไม่มีใครกล้าคิดว่ามันจะเกิดขึ้นแน่ๆ


ทริปเปิ้ลแชมป์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1999 มหัศจรรย์มากก็จริง แต่ในอดีตก่อนหน้านั้นก็เคยมีทีมจากลีกอื่นทำได้ แต่สำหรับ "Quadruple" หรือการคว้า 4 แชมป์ใหญ่ภายในฤดูกาลเดียวนั้น (ต้องเป็นแชมป์ลีก, แชมป์บอลถ้วยในประเทศ 2 รายการ และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นนะครับ รายการนอกเหนือจากนี้ไม่นับ) ใน 5 ลีกใหญ่ไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อน


ถ้าจะไปพลิกประวัติศาสตร์ดูจริงๆ มีเพียง กลาสโกว์ เซลติก ทีมเดียวเท่านั้นที่เคยทำได้เมื่อปี 1967 เมื่อพวกเขาได้ทั้งแชมป์ดิวิชั่น 1, แชมป์ สกอตติช คัพ, สกอตติช ลีก คัพ และ ยูโรเปี้ยน คัพ แต่นั่นก็เป็นสมัยที่โบราณมากๆ และ เซลติก ก็ไม่ใช่ทีมที่อยู่ใน 5 ลีกใหญ่ 


ตอนนี้ทุกอย่างอาจจะยังอยู่ในกำมือของ แมนฯ ซิตี้ ก็จริง หากว่าพวกเขาชนะได้ในเกมสุดท้าย ทุกอย่างก็จบ หรือบางที ลิเวอร์พูล อาจจะสะดุดหัวทิ่มเองในเกมไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้ เพราะตอนนี้ก็เริ่มเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานแล้ว หลังจากที่กรำศึกมาอย่างยาวนาน


แต่มันก็น่าแปลกที่ ลิเวอร์พูล เวลานี้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาก้าวข้ามสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้เสมอ


สำหรับแฟนลิเวอร์พูลทั่วโลก ในช่วงเวลาแบบนี้คงจะไม่มีคำไหนที่ดีไปกว่า "Believe" นั่นคือมีความเชื่อ เชื่ออย่างแรงกล้าว่าบางสิ่งบางอย่างที่เหนือกว่าคำว่ามหัศจรรย์อาจจะเกิดขึ้น


เริ่มจากวันอังคารนี้ก่อน เชื่อมั่นว่าทีมจะบุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ และเชื่อมั่นว่าในวันสุดท้ายของฤดูกาลจะเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน จากนั้นก็รอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม


แมนฯ ซิตี้ ยังคงกุมชะตาไว้ในมือตัวเองก็จริง แต่ที่น่าสนใจคือคู่แข่งของพวกเขาในวันนั้นดันเป็น แอสตัน วิลล่า ที่มีกุนซือชื่อว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด


ไม่รู้ว่าในใจของ เจอร์ราร์ด จะคิดอะไรบ้างในวันนั้น แต่ในเมื่อ วิลล่า อยู่รอดปลอดภัย และไม่ได้ลุ้นอะไรแล้ว ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ ลิเวอร์พูล เชื่อเหลือเกินว่าเจ้าตัวคงอยากจะทำอะไรเพื่อทีมเก่าของตัวเองบ้างแน่ๆ


ในสมัยที่เป็นนักฟุตบอล เจอร์ราร์ด อาจจะได้แชมป์ทุกอย่างแล้วกับ ลิเวอร์พูล ขาดไปก็เพียงแค่ พรีเมียร์ลีก ที่เหมือนจะเป็นจุดด่างพร้อยเดียวของเขา


แต่ครั้งนี้แหละ แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นกุนซือของลิเวอร์พูล แต่ เจอร์ราร์ด อาจจะช่วยให้ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฐานะกุนซือทีมอื่นก็เป็นได้นะ...


JOVEN

ภาพจาก Getty Images

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial