MOTOGP Rival of the Year

MOTOGP

Rival of the Year

คู่ต่อสู้แห่งปี เปคโค่ VS ฆอร์เก มาร์ติน

เชื่อได้เลยว่า ไม่มีแฟนๆ คนไหนกล้าพลาดการแข่งขัน โมโตจีพี ตลอดทุกสนามในปี 2023 เนื่องจากเต็มไปด้วยดราม่าและเรื่องราวอันสุดพลิกผัน ทุกอย่างอีรุงตุงนังตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูกาล เนื่องจาก เอฟไอเอ็ม หรือสหพันธ์มอเตอร์ไซค์นานาชาติที่รับหน้าที่ดูแลจัดการแข่งขันประกาศสปรินท์เรซ แต่แตกต่างจากรถสูตรหนึ่งที่จะจัดในบางสนาม เพราะสปรินท์สองล้อมีทุกสนามในวันเสาร์ของสัปดาห์แข่งขัน 

ด้วยรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ ควอลิฟายครั้งเดียวจัดลำดับกริดทั้งสองสนามทำให้รอบคัดเลือกนั้นแรงร้อนกว่าปกติ เพราะหากคว้าโพลโพสิชั่น ออกตัวดีในทั้งสองการแข่งหมายความว่าจะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ โปรแแกรมขยับเปลี่ยนแปลงให้รุ่นพรีเมียร์คลาสเริ่มการคัดเลือกเป็นรุ่นแรก เพื่อใช้ช่วงเวลาต่อจากนั้นเตรียมตัวในการลงแข่งครึ่งทางของเมนเรซ และเนื่องจากทุกคะแนนสำคัญ รถทุกคัน นักขับทุกคนจึงตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงกับมีการกำเนิดของ “มิสเตอร์ แซทเธอร์เดย์” หรือ “คุณวันเสาร์” ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในรอบคัดเลือกและรอบสปรินท์ 

ฆอร์เก มาร์ติน โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เป็นรุกกี้ในปี 2021 ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวทำให้การขึ้นมาลุ้นแชมป์ในซีซั่น 2023 ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ และช่วงแรกของฤดูกาล การปรับตัวกับรถใหม่เครื่องใหม่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเจอ แต่ มาร์ติน ใช้เวลาไม่นาน เพราะติดท็อป 3 สปรินท์ตั้งแต่สนามแรกที่โปรตุเกส และอีกครั้งที่ออสติน เท็กซัส จากนั้นเป็นแชมป์สปรินท์ที่ฝรั่งเศส สนามที่ 5 ของซีซั่น และยังคว้าอันดับ 2 บนโพเดียมในเมนเรซรายการเดียวกัน 

นักบิดจากสเปน คว้าโพล 4 สนาม ที่ ซาน มาริโน่, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย และ ออสเตรเลีย จุดที่น่าสนใจก็คือ ทุกครั้งที่ ฟรานเชสโก้ บาญาย่า ทำผิดพลาด เขามักจะเร่งเครื่องขึ้นมาสอดแทรกและทำอะไรบางอย่างได้อยู่เรื่อยๆ และในที่สุดที่ แอสเซน เนเธอร์แลนด์ ทั้งสองก็เข้าสู่การดวล ตามด้วยการแข่งที่ เร้ดบูลล์ ริง ออสเตรีย ซึ่งในตอนนั้นยังมีคะแนนตามหลัง “เปคโค่” 66 คะแนน แต่ก็ไม่มากเกินไปกับครึ่งซีซั่นที่เหลืออยู่ 

ฤดูกาล 2023 สำหรับ ฟรานเชสโก้ บาญาย่า แตกต่างออกไปเล็กน้อย เขาแบกรับความกดดัน และคำวิจารณ์ว่าผิดพลาดมากเกินไป กว่าจะได้แชมป์ปี 2022 เรียกว่าหืดจับ แต่ปีใหม่ รถใหม่ คนเดิมด้วยหัวใจใหม่ เขาเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบด้วยแชมป์ที่โปรตุเกส แต่หลังจากนั้นล้ม เก็บแต้มได้ยากในอีก 4 สนามถัดมา มีเพียงคนรอบข้างเท่านั้นที่บอกว่า เขายังนิ่งๆ ดูสงบ ใจเย็น 

แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเจออุบัติเหตุที่ทำให้ผู้ชมเงียบกริบทั้งสนามที่ เซอร์กิต เดอ คาตาลุนญ่า หลังจากพลาดล้ม แบรด บินเดอร์ เบรกไม่อยู่ชนเข้าที่ขาอย่างจัง แม้อาการไม่รุนแรง และกลับมาแข่งได้หลังจากพักไม่นาน แต่ฟอร์มในวันเสาร์กลับถดถอยไป แต่ไม่ถึงกับเลวร้าย เพราะยังเป็นรถแถวหน้าแทบทุกสนาม และการไล่ตาม 91 คะแนนจนพุ่งขึ้นมาคว้าแชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้าทำให้นักบิดจากอิตาลีพอจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร 

แตกต่างจาก มาร์ติน ที่แม้เคยคว้าแชมป์ในรุ่นรอง แต่สำหรับรุ่นใหญ่ย่อมเป็นอีกเรื่อง และประสบการณ์การลุ้นแชมป์ของ “เปคโค่” ยังสดใหม่ ความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นอย่างสุดคาดคิด จุดแข็งของ มาร์ติน อยู่ที่การออกตัวยอดเยี่ยม แต่ความกดดันในฐานะผู้นำทำให้พลาดในเมนเรซที่อินโดนีเซีย รวมถึงการจบอันดับ 5 ที่ออสเตรเลียแบบผีผลัก แต่เป็นเพราะสะสมคะแนนจากการคว้าแชมป์สปรินท์ในซีซั่นนี้ไว้ถึง 9 สนาม ทำให้การแข่งที่ กาตาร์ และ บาเลนเซีย ยังต้องลุ้นต่อ แม้สนามสุดท้ายโอกาสเหลือน้อยมาก 

ความแตกต่างสุดท้ายระหว่างทั้งสองก็คือ ความมั่นคง ขณะที่ มาร์ติน มาแรงในวันเสาร์ แต่การรักษาความเร็วมาเรื่อยๆ ในทุกวัน และเอาชนะในวันอาทิตย์ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครมาแย่งเอาไปได้ “เปคโค่” เป็นแชมป์สปรินท์ 4 สนาม แต่ประคองตัวให้เก็บแต้มแบบไม่เสี่ยงเกินไป และคว้าแชมป์ กรังด์ปรีซ์ 9 สนาม และโพเดียมหรืออย่างน้อยก็ขอให้มีคะแนน ทำให้ในที่สุด แชมป์ยังเป็นของนักบิดชาวอิตาเลี่ยนอีกสมัย 

ปี 2024 เปคโค่ จะพบกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามามากกว่าเดิม หลังจากคว้าแชมป์โลกมาแล้ว 2 สมัย และไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร หน้าใหม่หรือหน้าเดิม แฟนๆ ก็จะได้ชมการแข่งขันอันยอดเยี่ยมเช่นเคย