มาร์ติโน่แสดงความรับผิดชอบ ขอลาออกจากกุนซือจังโก้แล้ว

ในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายของกลุ่มซี เม็กซิโก ลงเล่นภายใต้เงื่อนไขว่าต้องชนะ ซาอุดิอาระเบีย ให้ได้มากที่สุด หรือยิงให้ได้ 2-3 ลูกขึ้นไป และลุ้นให้ โปแลนด์ แพ้ อาร์เจนติน่า แบบขาดลอย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็มีโอกาสเข้ารอบเป็นอันดับที่สองของกลุ่ม ด้วยการมี 4 คะแนนเท่ากับ โปแลนด์ แต่จะมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม เม็กซิโก ทำได้เพียงแค่เอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย ไปได้แค่ 2-1 เท่านั้น ขณะที่ โปแลนด์ แพ้ อาร์เจนติน่า ไป 0-2 นั่นทำให้ เม็กซิโก ต้องเป็นฝ่ายได้อันดับที่ 3 ของกลุ่มและตกรอบไป เนื่องจากผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง โปแลนด์ แค่ลูกเดียว

ทั้งนี้ หลังจบเกมนัดดังกล่าว เคราร์โด้ "ตาต้า" มาร์ติโน่ กุนซือของเม็กซิโกได้ประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า เขาได้ตัดสินใจที่จะออกจากตำแหน่งนายใหญ่ของทีมจังโก้แล้ว เหลือแค่รอให้ทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเม็กซิโกประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยกุนซือวัย 60 ปีได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "สัญญาของผมจบลงแล้วหลังจากที่สิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของผู้ตัดสิน และมันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น"

"ตั้งแต่ที่ผมรับงานคุมทีมเม็กซิโก ผมได้รับอิสระในการทำงานอย่างมาก ไม่เคยมีการขัดขวางหรือมีอุปสรรคใดๆ เลย ผมรู้สึกซาบซึ่งใจกับสิ่งเหล่านี้ที่ได้รับจากประธานสหพันธ์ฯ รวมถึงผู้อำนวยการกีฬา"

"ผมเป็นคนที่ต้องแสดงความรับผิดชอบสำหรับความผิดหวังที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าเราล้มเหลวในฟุตบอลโลกครั้งนี้"

สำหรับ มาร์ติโน่ ซึ่งในอดีตเคยเป็นกุนซือให้กับ บาร์เซโลน่า ด้วย ในช่วงระหว่างปี 2013-2014 ได้เข้ามารับหน้าที่เป็นกุนซือของเม็กซิโกตั้งแต่ปี 2019 ก่อนจะพาทีมจังโก้ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลก 2022 ที่ กาตาร์ ได้สำเร็จ แต่ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มนั้นทำได้เพียงแค่อันดับที่ 3 หลังมีสถิติชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 2 เสีย 3 มี 4 คะแนน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์