10อันดับ การทุ่มซื้อตัวสุดล้มเหลวของ เชลซี

10อันดับ การทุ่มซื้อตัวสุดล้มเหลวของ เชลซี
หลังจากที่ โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียม ของสโมสรเชลซี ตกเป็นข่าวย้ายทีมอย่างหนาหูหลังจบฤดูกาล เนื่องจากเจ้าตัวไม่ประสบความสำเร็จในการกลับมาร่วมทัพ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" หนที่สอง

ย้อนกลับไปก่อนออกสตาร์ทซีซั่น 2021/22 เชลซี สร้างเสียงฮือฮาด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรสูงถึง 97.5 ล้านปอนด์ กระชากตัว โรเมลู ลูกากู จากอินเตอร์ มิลาน เข้ามาร่วมทีม

และก็ดูเหมือนว่าการซื้อตัวครั้งนี้จะเป็นไปได้สวย เพราะเจ้าตัวออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงในช่วง 4 นัดแรก กับการซัดไป 4 ประตู นับเป็นการกลับถิ่นเก่าที่อะไรๆก็ดูดีไปหมด

แต่แล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ ลูกากู ดันมาได้รับบาดเจ็บหนักในช่วงเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นเขาก็พยายามที่จะกลับมาสู่ 11 คนแรกให้ได้ แต่ก็ดันไปเจอเรื่องนอกสนามกับการให้สัมภาษณ์วิจารณ์โค้ชตัวเองอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล เป็นเหตุให้เขาโดนดร็อปยาวๆจนไม่เหลือฟอร์มของ ลูกากู คนเดิม

ในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ลูกากู ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการย้ายทีมอย่างหนาหู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทางฝั่ง อินเตอร์ มิลาน ต้นสังกัดเก่า ที่ถึงขนาดมีข่าวว่าเจ้าตัวยอดลดค่าเหนื่อยเพื่อให้ได้กลับทีมเดิมอีกครั้ง

ถ้าสุดท้ายทุกอย่างเกิดขึ้นจริง นั่นหมายความว่า ลูกากู กลับมาอยู่กับ เชลซี ได้ไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ ก็มีเหตุให้ต้องแยกทางกันอีกแล้ว ซึ่งดูจากค่าตัวที่สูงเป็นสถิติสโมสร ความประพฤติของนักเตะนอกสนาม จัดเป็นอีกหนึ่งคนที่เชลซี ล้มเหลวในการซื้อตัว

แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทัพ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ทำนองนี้ สปอร์ตเมล์ สื่อในประเทศอังกฤษได้รวมรวบจัดอันดับ 10 นักเตะที่จัดเป็นการเสริมทัพที่ล้มเหลวของเชลซี ซึ่งจะมีใครอยู่ในลิสต์กันบ้าง? ไปติดตามพร้อมกัน!

อันดับ 10 ติโม แวร์เนอร์ : 53 ล้านปอนด์ (จาก แอร์เบ ไลป์ซิก)
ย้อนกลับไปปี 2020 เชลซี ปาดหน้า ลิเวอร์พูล คว้าตัว แวร์เนอร์ เข้ามาร่วมทีม ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวจัดว่าเป็น 1 ในกองหน้าที่ดีที่สุดของยุโรป จากผลงานเพิ่งจะซัดไป 34 ประตู ให้กับต้นสังกัดในซีซั่นก่อนจะย้ายทีม นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้บอร์ดบริหารเชลซี ตัดสินใจควักเงิน 53 ล้านปอนด์ มาร่วมทีม
 
ซึ่งในช่วงแรกเขาออกสตาร์ทได้ดีกับผลงาน 8 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 17 เกม ภายใต้การคุมทัพของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากว่า 72 เกม เขาทำได้เพียงแค่ 15 ประตู กับอีก 16 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ วันเวลาผ่านไป 2 ฤดูกาล ดาวยิงทีมชาติเยอรมันรายนี้ ผลิตสกอร์ในเวทีพรีเมียร์ลีก รวมกันไปได้เพียงแค่ 10 ลูกเท่านั้น นับเป็นตัวเลขที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวก็จัดว่ามีส่วนสำคัญในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้เมื่อปีที่แล้ว และด้วยอายุเพียงแค่ 26 ปี ที่ยังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกไกล จากนี้เหลือเพียงแค่เจ้าตัวพิสูจน์ตัวเองให้ได้กับฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ



อันดับ 9 เฟร์นานโด ตอร์เรส : 50 ล้านปอนด์ (จาก ลิเวอร์พูล)
ดาวยิงสัญชาติสเปนรายนี้ย้ายจาก ลิเวอรพูล มาร่วมทีมเชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขาย เดือนมกราคม ปี 2011 ท่ามกลางคำสาปแช่งของแฟนๆหงส์แดงที่เห็นนักเตะคนรักย้ายไปยังทีมคู่แข่งโดยตรง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลา 3 ปีครึ่ง ในถิ่นแอนฟิลด์ ตอร์เรส ถูกจัดให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรป ด้วยผลงาน 81 ประตู จากการลงสนาม 142 นัด

แม้ว่าในช่วงก่อนที่เขาจะย้ายทีม จะมีปัญหาเรื่องของอาการบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า แต่ใครจะไปคิดว่าการย้ายทีมครั้งนี้เขาต้องใช้เวลาถึง 14 นัด คิดเป็น 903 นาที กว่าที่จะผลิตสกอร์แรกให้กับต้นสังกัดใหม่ได้ ในเกมที่เอาชนะ เวสต์แฮม 3-0 เมื่อเดือนเมษายน

วันเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆเริ่มดูดีขึ้น เมื่อเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ และ แชมป์ยูโรป้า ซึ่งถ้าว่าในเรื่องของความสำเร็จก็ไม่ได้จัดว่าล้มเหลวเสียทีเดียว แต่ถ้านับผลงานส่วนตัวจากที่ทำได้ในระดับท็อปของยุโรป ก็ถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย สรุปแล้วตลอดเวลา 3 ปีครึ่งกับเชลซี เขายิงไปได้ 45 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 172 นัด


อันดับ 8 มิชี่ บัตชูอายี่ : 33 ล้านปอนด์ (จาก มาร์กเซย)
หลังจากโชว์ฟอร์มน่าประทับใจกับ มาร์กเซย รวมถึงโดดเด่นกับทีมชาติเบลเยียม ในศึกฟุตบอลยูโร 2016 ส่งให้เขาได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมเชลซี แต่ก็ต้องตกเป็นตัวสำรองของ ดิเอโก้ คอสต้า ตลอดทั้งฤดูกาลแรกที่ย้ายไป โดยเจ้าตัวทำไปได้เพียงแค่ 9 ประตูเท่านั้นภายใต้การคุมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้

ในฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวหวังว่าจะได้รับโอกาสมากขึ้น แต่แล้วก็ทำไปได้เพียงแค่ 2 ประตูตลอดในช่วงเลกแรกก่อนจะโดนปล่อยตัวไปให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบยืมตัว และแม้ว่าจะย้ายไปยิงได้ถึง 14 ประตู ในเยอรมัน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีที่ว่างในต้นสังกัด ก่อนจะถูกปล่อยไปให้ บาเลเซีย ตามด้วยคริสตัล พาเลซ ยืมตัวในฤดูกาล 2018/19 แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก

สุดท้าย แฟร้งค์ แลมพาร์ด พยายามที่จะให้โอกาสเขามากขึ้น ก่อนที่ตัวกุนซือจะแยกทางกับทีมออกไป จนถึงตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะย้ายทีมหลังจากสัญญากำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้


อันดับ 7 บาบา ราห์มาน : 23 ล้านปอนด์ (จาก เอาก์สบวร์ก)
โชเซ่ มูรินโญ่ มุ่งมั่นที่จะคว้าตัวแบ็กซ้ายชาวกาน่า รายนี้เข้ามาร่วมทีมในปี 2015 ด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์ โดยเจ้าตัวเล่นในเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน กับสโมสรเอาก์สบวร์ก ไปเพียงแค่ 31 เกมเท่านั้น แต่ดันไปโดนใจทีมแมวมองของเชลซี เลยทำให้มีการซื้อ-ขายเกิดขึ้น

แต่บทสรุปสุดท้ายเจ้าตัวไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองในลีกอังกฤษได้ ก่อนจะถูกปล่อยให้ ชาลเก้ 04 ยืมตัวใช้งาน นั่นเท่ากับว่าเขาได้ลงเล่นในลีกเยอรมันเป็นเวลา 2 ฤดูกาล ก่อนจะกลายเป็นที่ถูกปล่อยยืมตัวเป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังได้ต่อสัญญากับเชลซี ออกไปอีกถึง 3 ปี แบบที่แฟนบอลก็ยังงงๆ


อันดับ 6 อังเดร เชฟเชนโก้ : 31 ล้านปอนด์ (จาก เอซี มิลาน)
ดาวยิงทีมชาติยูเครน ถูกเชลซีดึงตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2006 ในฐานะดาวยิงชื่อก้องโลกจากผลงานที่ทำเอาไว้กับ เอซี มิลาน 173 ประตู จากการลงเล่น 296 นัด กวาดแชมป์มาทั้งกัลโช่ เซเรีย อา รวมถึง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

แต่การย้ายมา เชลซี ด้วยค่าตัว 31 ล้านอนด์ มันมาพร้อมกับคำถามว่าด้วยอายุ 29 ปี เขาเลยจุดสูงสุดไปแล้วหรือยัง? ซึ่งสุดท้ายคำถามเหล่านั้นดูจะเป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะเมื่อย้ายมาอยู่กับเชลซี แสงในตัวของเขาก็ดับลง เมื่อยิงประตูไปได้เพียงแค่ 4 ลูก จาก 30 นัดในเวทีพรีเมียร์ลีก

ในเวลานั้นกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ไม่ค่อยแฮปปี้กับดีลนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยินดีมากๆที่จะให้เขาย้ายกลับไป เอซี มิลาน อีกครั้งด้วยสัญญายืมตัว ในซีซั่น 2007/08 และหลังจากนั้นสัญญาของทั้งสองฝ่ายก็หมดลงไป ทิ้งไว้เพียงตัวเลข 22 ประตู ในช่วงระยะเวลาสั้นๆกับเชลซี  


อันดับ 5 แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ : 35 ล้านปอนด์ (จาก เลสเตอร์ ซิตี้)
ห้องเครื่องจากทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ย้ายมาร่วมทีมเชลซี ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ และก็ได้โอกาสหมุนเวียนในทีม โดย อันโตนิโอ คอนเต้ ใช้งานเขาไป 22 นัด ในซีซั่น 2017/18

เส้นทางของเขากับเชลซี กำลังไปได้สวย แต่ก็ต้องมาเจอกับเรื่องนอกสนามเล่นงานเมื่อเจ้าตัวถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ หลังจากขับรถชนจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาถูกปล่อยให้ เบิร์นลี่ย์ ยืมตัวในฤดูกาล 2019/20 ก่อนจะไปมีประเด็นทะเลาะวิวาทในไนท์คลับแห่งหนึ่ง และถูกปล่อยในฐานะสัญญายืมตัวอีกครั้งไปให้กับ แอสตัน วิลล่า แต่สุดท้ายก็จบไม่สวย เมื่อกันไปปะทะหนักกับเพื่อนร่วมทีมในช่วงฝึกซ้อม จนเป็นเหตุให้ต้องยุติสัญญายืมตัว

จากนั้นเขาก็ได้โอกาสอีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆกับทีม คาซิมปาซ่า ในลีกตุรกี รวมถึงการออกไปเล่นกับ เรดดิ้ง ก่อนที่เขากำลังจะหมดสัญญากับทีมในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้


อันดับ 4 ติมูเอ้ บากาโยโก้ : 36 ล้านปอนด์ (จาก โมนาโก)

ติมูเอ้ บากาโยโก้ กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมหลังพา โมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส รวมถึงการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สุดท้ายกลายเป็น เชลซี ที่ดึงตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จเมื่อปี 2017 ภายใต้การคุมทัพของ คอนเต้

ห้องเครื่องรายนี้สร้างความประทับใจในเกมดาร์บี้แมตช์ กับสเปอร์ และกลายเป็นกองกลางคนสำคัญในเวลาอันรวดเร็ว แต่แล้วเกมรับของทีมก็ดูดร็อปลงไป เช่นเดียวกับผลงานของเจ้าตัว หลังจากนั้นอีก 6 เดือนก็ค่อยๆหลุดออกจากทีม โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 เมื่อเขาโดน 2 ใบเหลืองในระยะเวลา 30 นาที ในเกมที่ เชลซี บุกไปพ่าย วัตฟอร์ด 1-4

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บากาโยโก้ ก็โดนปล่อยในฐานะสัญญายืมตัวตลอดเวลา 4 ปีเต็ม กับทั้ง โมนาโก, นาโปลี และ เอซี มิลาน(2 ครั้ง) ที่มีเงื่อนไขซื้อขาดเจ้าตัวในปี 2023


อันดับ 3 เกปา อาร์ริซาบาลาก้า : 72 ล้านปอนด์ (จาก แอธเลติก บิลเบา)
การทุ่มเงินจำนวนดังกล่าวของสโมสรกับการคว้าตัวนายทวารชาวสเปนรายนี้มาร่วมทีม ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นมาเรื่อยๆว่าคุ้มหรือไม่? แถมมีช่วงที่เป็นประเด็นกับกุนซืออย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ในเรื่องการเปลี่ยนตัว

ฤดูกาลต่อมาผลงานของเขาก็ดร็อปลงไป เขาถูกบันทึกว่าเป็นนายทวารที่มีเปอร์เซ็นต์เซฟน้อยที่สุดเป็นอันดับ2 ของลีก ทำให้กุนซืออย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องหมุนเวียนกับผู้รักษาประตูสำรองอย่าง วิลลี่ กาบาเยโร่ และสุดท้ายก็ต้องตัดสินใจคว้าตัว เอดูอาร์ เมนดี้ มาร่วมทีม จนกลายเป็นส่งผลให้ เกปา ต้องตกเป็นมือ 2 ของทีมไปโดยปริยาย


อันดับ 2 อัลบาโร่ โมราต้า : 60 ล้านปอนด์ (จาก เรอัล มาดริด)
โมราต้า ถูกคว้าตัวเข้ามาเพื่อแทนที่ ดิเอโก้ คอสต้า ในตำแหน่งกองหน้า จากผลงานในฤดูกาลก่อนย้ายเขาซัดไป 20 ประตู เป็นครั้งแรกในชีวิต ในสีเสื้อเรอัล มาดริด บนวัย 24 ปี เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขากำลังอยู่ในจุดพีค ซึ่งเจ้าตัวออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วง 7 เกมแรกกับเชลซี เขายิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แถมซัดแฮตทริกใส่ สโต๊ค ซิตี้ ทำให้แฟนบอลเริ่มลืมภาพ คอสต้า ไปบ้างแล้ว

แต่ใครจะเชื่อว่าหลังจากนั้นอีก 41 เกมต่อมา เขายิงเพิ่มได้เพียงแค่ 8 ประตู ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่องสภาพร่างกาย และความดุดัน จากนั้นก็ถึงการมาของกุนซืออย่าง ซาร์รี่ ที่พยายามเรียกความมั่นใจให้เขา แต่ก็ทำได้เพียงแค่ 5 ประตู จากการลงสนาม 16 นัด สุดท้ายต้องจำใจปล่อยให้ แอตเลติโก มาดริด แบบยืมตัว ในช่วงเดือกนมกราคม ปี 2019

โดยทัพ "ตราหมี" ซื้อขาดมาร่วมทีมช่วงซัมเมอร์ปี 2020 ซึ่งถือเป็นเรื่องดีของ เชลซี ที่ชดเชยค่าตัวที่เป็นสถิติของสโมสรในเวลานั้นลงได้บ้าง

อันดับ 1 โรเมลู ลูกากู : 97.5 ล้านปอนด์ (อินเตอร์ มิลาน)
การกลับมาสู่ เชลซี ด้วยผลงานความเฉียบคนที่ทำได้ในฤดูกาลก่อนย้ายออกจากอินเตอร์ มิลาน ดูเหมือนจะเป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล และแน่นอนว่าเจ้าตัวออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรง แต่พอได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน และกลับมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถสอดแทรกตัวจริงของ ทูเคิ่ล จนเป็นที่มาของการให้สัมภาษณ์กับสื่อในอิตาลี ส่งผลให้สถานะของเขากับเชลซีไม่เหมือนเดิม

ทูเคิ่ล ลงโทษเขาด้วยการดร็อปในเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 จากนั้นเจ้าตัวก็ไม่สามารถผลิตสกอร์ให้ทีมได้เลยตลอด 10 เกมต่อมา จนถึงตอนนี้มีข่าวว่าทางฝั่ง อินเตอร์ มิลาน ให้ความสนใจที่จะดึงตัวกลับไปในรูปแบบของการยืมตัว และนักเตะเองก็พร้อมย้ายทีม ซึ่งทาง เชลซี เรียกเงินค่ายืมตัวครั้งนี้ถึง 20 ล้านปอนด์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่คุ้มค่ากับสถิติสโมสรที่ทีมต้องจ่ายออกไปสำหรับดาวยิงชาวเบลเยียมรายนี้



getty images

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial