เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2025-26 : มุ่งสู่บัลลังก์แชมป์อีกครั้ง

พวกเขาจะลงสนามด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนคือการป้องกันแชมป์และคว้าถ้วยรางวัลมาประดับสโมสรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยม เรอัล มาดริด พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้

ตลาดนักเตะขาเข้า : การเสริมทัพที่แข็งแกร่งและมีวิสัยทัศน์

ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ เรอัล มาดริด สร้างความฮือฮาด้วยการเสริมทัพในหลายตำแหน่ง โดยเน้นไปที่การยกระดับเกมรับและการคว้าดาวรุ่งพุ่งแรงเพื่ออนาคตของสโมสร

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (10 ล้านยูโร) : แบ็กขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษจากลิเวอร์พูล การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการเสริมทัพครั้งสำคัญในตำแหน่งแบ็กขวา เทรนท์ ประสบความสำเร็จมาหมดแล้วกับทีมหงส์แดง แม้ว่าเกมรับอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เขาทำได้ดีที่สุด แต่ถ้าเป็นเรื่องของเกมรุกแล้วถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปในตำแหน่งนี้ ด้วยความสามารถในการเปิดบอลที่แม่นยำและลูกตั้งเตะที่อันตราย จะทำให้เกมรุกของมาดริดมีความหลากหลายและน่ากลัวยิ่งขึ้น

ดีน ฮุยเซ่น (62.5 ล้านยูโร) : กองหลังดาวรุ่งชาวสเปนที่ย้ายมาจากบอร์นมัธ แม้จะอายุยังน้อย แต่มีประสบการณ์การเล่นในลีกระดับสูง เขาเริ่มต้นจากการเป็นดาวรุ่งของ ยูเวนตุส และย้ายไปเล่นให้ โรม่า แบบยืมตัว ก่อนจะข้ามมาที่พรีเมียร์ลีกกับ บอร์นมัธ และโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมาก ทำให้ เรอัล มาดริด ไม่รอช้าที่จะดึงตัวมาร่วมทีม การมาของเขาจะช่วยเพิ่มความลึกในแนวรับ และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคต

อัลบาโร่ การ์เรราส (50 ล้านยูโร) : แบ็กซ้ายทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี จากเบนฟิก้า เขาเป็นอดีตเด็กปั้นของ เรอัล มาดริด มาก่อน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับอะคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด และมาแจ้งเกิดเต็มๆ จากการเล่นให้ เบนฟิก้า ทำให้ เรอัล มาดริด ตัดสินใจดึงดาวรุ่งรายนี้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง การเข้ามาของเขาจะช่วยสร้างการแข่งขันภายในทีมและเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สำคัญในตำแหน่งแบ็กซ้าย

ฟรังโก้ มาสตานตูโอโน่ (45 ล้านยูโร) : ปีกดาวรุ่งเนื้อหอมชาวอาร์เจนติน่าวัย 18 ปีที่ย้ายมาจากริเวอร์เพลท เขาเป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์สูงและถูกคาดหมายว่าจะเป็นกำลังหลักของทีมในอนาคต มาสตานตูโอโน่ ตกเป็นเป้าหมายของบรรดาทีมใหญ่ในยุโรป แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรอัล มาดริด ก็คว้าตัวมาร่วมทีมได้ในเวลาอันรวดเร็ว และนี่คือการซื้ออนาคตของทีมอีกครั้ง เหมือนอย่างตอนที่พวกเขาคว้าตัว วินิซิอุส จูเนียร์ มาจาก ฟลาเมงโก้ เมื่อปี 2018 ซึ่ง วินิซิอุส ในเวลานั้นก็มีอายุเพียง 18 ปีเช่นกัน

ภาพรวมของทีม : ขุมกำลังที่สมดุลและลงตัว

เรอัล มาดริด ในฤดูกาลนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความสมดุลในทุกตำแหน่ง กองหน้าเต็มไปด้วยความเร็วและเทคนิค, กองกลางแข็งแกร่งและสร้างสรรค์เกมได้อย่างยอดเยี่ยม, ขณะที่แนวรับก็มีทั้งความเก๋าและความสดใหม่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว

แนวรุก : การประสานงานของ วินิซิอุส จูเนียร์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ทำให้เกมรุกของมาดริดน่ากลัวอย่างยิ่ง พวกเขามีความสามารถในการสร้างโอกาสและจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม เรียกได้ว่า เรอัล มาดริด มีกองหน้าระดับลุ้นรางวัลบัลลงดอร์ได้ถึง 2 คนพร้อมกันในทีม ซึ่งมีไม่กี่ทีมเท่านั้นที่จะมีกองหน้าที่มีคุณภาพระดับนี้

แดนกลาง : นี่คือหัวใจสำคัญของทีมอย่างแท้จริง เรอัล มาดริด ฤดูกาลนี้ผลัดใบกองกลางจากตัวเก๋ากลายเป็นขุมกำลังวัยหนุ่มเกือบหมดแล้ว หลังการอำลาทีมไปของ ลูก้า โมดริช ทำให้ตอนนี้แดนกลางของทีมนำโดยผู้เล่นอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม, เฟเดริโก วัลเวร์เด้, โอเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า และดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง อาร์ด้า กือแลร์ ทำให้แดนกลางของมาดริดเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก พวกเขาสามารถควบคุมจังหวะเกม, ช่วยเกมรับ, และเติมเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวรับ : ที่ผ่านมาพวกเขามีเซนเตอร์อย่าง เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ดาวิด อลาบา เป็นแกนหลัก ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงที่อายุมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะทั้ง รือดิเกอร์ และ อลาบา ที่อายุเกิน 30 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีดาวรุ่งขึ้นมาทดแทนอย่าง ราอูล อาเซนซิโอ และ ฟราน การ์เซีย รวมถึงการได้ ดีน เฮาเซ่น เข้ามาก็เป็นการเตรียมความพร้อมให้แดนหลังในอนาคต ขณะที่แบ็กซ้ายและขวาไม่ใช่ปัญหา เพราะมีทั้ง แฟร์กล็องด์ เมนดี้, ดานี่ การ์บาฆาล, อัลบาโร่ การ์เรราส และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่สามารถสลับหมุนเวียนกันเล่นได้โดยที่คุณภาพไม่ได้ดร็อปลง

ความท้าทายและการคาดการณ์

เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2025-26 ยังคงเป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ ลา ลีกา อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่ง, การจัดการที่ยอดเยี่ยม และความกระหายในความสำเร็จที่ไม่มีวันหมดสิ้นของนักเตะทุกคน พวกเขาพร้อมแล้วที่จะคว้าความสำเร็จให้กับสโมสร และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ต่อไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการรักษาสภาพร่างกายของนักเตะตัวหลักให้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดตลอดทั้งฤดูกาล และการรับมือกับความกดดันภายใต้ชื่อ เรอัล มาดริด ที่ได้รับความคาดหวังสูงอยู่แล้ว รวมถึงการมาของ ชาบี อลอนโซ่ ที่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จสมัยที่ยังเป็นนักเตะ รวมถึงพา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ แต่การคุมทีมอย่าง เรอัล มาดริด นั้นไม่เคยง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นกุนซือที่มีโปรไฟล์ดีขนาดไหนก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่ยังรอการพิสูจน์

แต่ถ้าพวกเขาสามารถรับมือกับเรื่องเหล่านี้และผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ การที่จะได้เห็นทีม "ราชันชุดขาว" ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของ ลา ลีกา ในฤดูกาลนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด