Judas and the Black Messiah: การทรยศ ความยุติธรรม และพลังแห่งการปฏิวัติ

หยิบยกเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1960s ขณะที่การต่อสู้เพื่อสิทธิและความเท่าเทียมทางสังคมของกลุ่มผิวสีทวีความร้อนแรง วิลเลียม โอนีล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) โจรขโมยรถนายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอบังคับให้แทรกซึมเข้าไปเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวขององค์กร Black Panther (BPP)

เขามีหน้าที่จับตาดูเฟร็ด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูยา) ผู้นำขององค์กรที่กำลังระดมกำลังด้วยการสร้างพันธมิตรกับกลุ่มต่างๆ ผ่านโครงการเพื่อสังคมมากมาย โอนีลต้องรายงานความคืบหน้ากลับไปยังเอฟบีไอเป็นระยะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้วางแผนลอบสังหารเฟร็ดในวันและเวลาที่เหมาะสม

แม้โอนีลจะรู้สึกขัดแย้งภายในใจระหว่างภาระหน้าที่ที่ถูกบังคับ กับความถูกต้องชอบธรรมที่เฟร็ดกำลังเดินหน้าทำเพื่อพวกพ้องของเขาเอง แต่ในที่สุดแผนการทุกอย่างก็ดำเนินไปจนลุล่วง นับเป็นจุดเลวร้ายที่สุดของการทรยศและใช้ความรุนแรงจากรัฐบาล

แดเนียล คาลูยา นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ ที่เราคุ้นตากันจากภาพยนตร์สยองขวัญสุดฮิต Get Out ต้องฝึกฝนสำเนียงอเมริกันและศึกษาสุนทรพจน์ของแฮมป์ตันเป็นระยะเวลาหลายเดือน เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์และส่งต่อพลังแห่งการปลุกใจมวลชน ซึ่งเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ

นอกจากนี้ Judas and the Black Messiah ยังถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงพลัง จนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แดเนียล คาลูยา และ ลาคีธ สแตนฟิลด์), เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Fight for You จากวง H.E.R.), บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และถ่ายภาพยอดเยี่ยม และสามารถคว้ารางวัลไปครองได้สำเร็จถึง 2 สาขา ได้แก่ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แดเนียล คาลูยา) และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

คอหนังดราม่าไม่ควรพลาด! Judas and the Black Messiah วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 20.00 น. ช่อง True Film 1 (222) และที่แอปทรูวิชั่นส์ นาว